
อาการ “คัน” เป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุดในคลินิกผิวหนัง ไม่ว่าจะในวัยทำงาน วัยเด็ก หรือโดยเฉพาะในกลุ่ม ผู้สูงอายุ ที่มักบ่นว่าคันผิวหนังแทบทุกวัน หลายคนเข้าใจว่า “คัน” เป็นเพียงเรื่องของผิวแห้งทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการคันอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติภายในร่างกายที่ซ่อนอยู่ได้เช่นกัน
ผู้ป่วยบางรายคันมากจนนอนไม่หลับ คันจนเกาเป็นแผล หรือคันแบบหาสาเหตุไม่พบ การประเมินโดยแพทย์ผิวหนังจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ “คัน” ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป
🧩 จุดเริ่มต้นของการวินิจฉัยอาการคัน
คำถามแรกที่แพทย์ผิวหนังมักถามคือ
👉🏻 “คันแบบมีผื่น หรือคันโดยไม่มีผื่นร่วมด้วย?”
เพราะคำตอบข้อนี้มีผลต่อแนวทางการวินิจฉัยและการรักษาโดยตรง อาการคันสองลักษณะนี้มักมาจากสาเหตุที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
💥 1. คันพร้อมผื่น (Itching with Rash)
กลุ่มนี้พบได้บ่อย และมักเกิดจาก “โรคผิวหนังโดยตรง”
ตัวอย่างเช่น
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis)
เกิดจากความผิดปกติของเกราะป้องกันผิวหนัง ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและไวต่อสิ่งกระตุ้น มักคันมากในตอนกลางคืนหรือหลังอาบน้ำ - โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
ผิวหนังหนา แดง ลอกเป็นขุย คันร่วมกับการอักเสบจากภูมิคุ้มกัน - การติดเชื้อผิวหนัง
เช่น เชื้อรา (Tinea) หรือหิด (Scabies) ซึ่งมักคันมากตอนกลางคืน และอาจมีผื่นตามง่ามนิ้วหรือข้อพับ - การแพ้สัมผัส (Contact Dermatitis)
เช่น แพ้โลหะ เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด - ลมพิษ (Urticaria)
ผื่นนูนแดง คันมาก เกิดขึ้นเร็วและหายเองในไม่กี่ชั่วโมง แต่กลับมาเป็นซ้ำได้ - แมลงกัดต่อย
มักมีตุ่มนูนแดงเฉพาะจุด คันมากหลังถูกกัด
ในกลุ่มนี้ “ลักษณะผื่น” และ “ประวัติอาการ” เช่น ระยะเวลาที่คัน ตำแหน่งผื่น การใช้ยา หรือสารเคมีที่สัมผัส เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ถูกต้อง
💥 2. คันโดยไม่มีผื่น (Itching without Rash)
ในกรณีที่ผู้ป่วย “คันโดยไม่มีผื่น” หรือคันโดยไม่มีร่องรอยการอักเสบที่ผิวหนังเลย มักบ่งบอกถึงปัญหาภายในร่างกาย หรือ “สัญญาณเตือนจากอวัยวะภายใน”
สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่
- ผิวแห้ง (Xerosis)
พบบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ เนื่องจากต่อมไขมันทำงานลดลง ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเปราะบาง ทำให้เกิดอาการคัน โดยเฉพาะหลังอาบน้ำหรือในฤดูหนาว - โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease)
ผู้ป่วยโรคไตมักคันทั่วตัว โดยเฉพาะบริเวณหลัง แขน ขา เนื่องจากการคั่งของของเสียในกระแสเลือด - โรคตับ (Liver Disease)
โดยเฉพาะภาวะน้ำดีคั่ง (Cholestasis) ที่มักคันมากในช่วงกลางคืน เพราะเกลือน้ำดีคั่งค้างในร่างกายและกระตุ้นปลายประสาทให้คัน - โรคต่อมไทรอยด์ (Thyroid Disorders)
ทั้งภาวะไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (Hypothyroidism) และมากเกินไป (Hyperthyroidism) สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการคันได้ - โรคโลหิตจาง (Anemia) หรือมะเร็งบางชนิด
เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) ซึ่งมีอาการคันเรื้อรังแม้ไม่มีผื่น - ผลข้างเคียงจากยา (Drug-induced Itching)
ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม Opioids (มอร์ฟีน, ทรามาดอล) หรือยาลดไขมันบางประเภท อาจกระตุ้นการคันผ่านระบบประสาทส่วนกลาง
🧠 อาการคัน: มากกว่าความรู้สึกไม่สบายผิว
ในทางการแพทย์ “อาการคัน” (Pruritus) เป็นกลไกซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสารสื่อประสาท (Neurotransmitters) หลายชนิด อาทิ Histamine, Serotonin, และ Cytokines ซึ่งถูกปล่อยออกมาจากเซลล์ในผิวหนังและระบบภูมิคุ้มกัน
ดังนั้นการรักษาอาการคันเรื้อรังจึงต้องมองอย่างองค์รวม — ไม่ใช่แค่ทายาแก้คันหรือใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ต้องค้นหาสาเหตุที่แท้จริงร่วมด้วย
🔍 ทำไมควรพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง
แม้อาการคันจะดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ในหลายกรณีอาจเป็น สัญญาณเตือนของโรคภายใน ที่ต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียด การประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางช่วยให้สามารถ
- ✅ หาสาเหตุที่แท้จริงของอาการคัน
- ✅ ป้องกันการใช้ยาหรือครีมผิดประเภท ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลง
- ✅ วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ทั้งในระดับผิวหนังและระบบภายใน
- ✅ ตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด การตรวจการทำงานของตับและไต
✨ “ไม่มีผื่น อาจไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไร”
หากคุณมีอาการคันเรื้อรัง หรือคันโดยไม่มีผื่น ควรเข้ารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียดตั้งแต่เนิ่น ๆ
💧 แนวทางดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการคัน
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด เพราะจะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
- ใช้สบู่สูตรอ่อนโยน (pH-balanced, ไม่มีน้ำหอม)
- ทาครีมบำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำในขณะที่ผิวยังชื้น
- หลีกเลี่ยงการเกาผิว เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือโรคไต ควรควบคุมโรคให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
🩺 บทสรุป
อาการคัน (Pruritus) เป็นภาวะที่พบบ่อยและมีหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องง่ายอย่างผิวแห้ง ไปจนถึงโรคในระบบอวัยวะภายใน ดังนั้นการพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเพื่อวินิจฉัยตั้งแต่ต้นจึงช่วยลดภาวะแทรกซ้อน และนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม
หากคุณมีอาการคันเรื้อรังนานเกิน 2-4 สัปดาห์ หรืออาการคันมากรบกวนการใช้ชีวิตควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจและให้การวินิจฉัย รักษาอย่างเหมาะสม
สุขภาพผิวดี เริ่มต้นจากการดูแลอย่างเข้าใจ💚
Healthy skin begins with truly understanding care.
👩🏻⚕️
รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน
แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง
#อาการคัน #โรคผิวหนัง #แพทย์ผิวหนัง#แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง #ValorClinic #เวเลอร์คลินิก
===========================
📞 โทร. 02-287-4924
📱 Line: @Valorclinic หรือคลิก https://lin.ee/WiY4qon
เวเลอร์คลินิก สาทร https://maps.app.goo.gl/NEcHNPbuAZNfUVrc7
===========================

