ทำไมคนเป็นโรคหัวใจยิ่งควรออกกำลังกาย?

โดยแพทย์หัวใจเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การกีฬา

หลายคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่า “เป็นโรคหัวใจ” มักจะสงสัยว่า
ยังออกกำลังกายได้ไหม? จะปลอดภัยหรือเปล่า?
คำตอบจากแพทย์หัวใจคือ…

“ไม่เพียงแค่ทำได้… แต่ต้องทำ”

เพราะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ การออกกำลังกายไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพทั่วไป
แต่มันคือ “การรักษา” ที่มีผลต่ออัตราการรอดชีวิตโดยตรง


✅ 1. ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคซ้ำ

ในผู้ที่เคยมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เคยทำบอลลูน หรือบายพาสหัวใจ
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสามารถลดโอกาสเสียชีวิตลงได้ถึง 20–30%
(จากข้อมูลของ American Heart Association)

ในทางตรงข้าม… หากไม่ขยับตัวเลย อาจเกิดภาวะ Cardiac Remodeling
หรือการที่หัวใจเสื่อม เปลี่ยนรูปร่าง และนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวในระยะยาว


✅ 2. ชะลอหัวใจเสื่อม

หัวใจที่ไม่ถูกใช้งานอย่างเหมาะสมจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น
กล้ามเนื้อหัวใจจะอ่อนแรงลง ทำให้เหนื่อยง่ายแม้ทำกิจกรรมเล็กน้อย
การออกกำลังกายเป็นการ “กระตุ้น” ให้หัวใจรักษาความแข็งแรงไว้ได้ยาวนานขึ้น


✅ 3. ควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ

การขยับร่างกายเป็นประจำ ช่วยลด:

  • ความดันโลหิต
  • ไขมัน LDL
  • ระดับน้ำตาลในเลือด
    พร้อมทั้งเพิ่มไขมันดี (HDL) และประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนโลหิต

สิ่งสำคัญคือ “ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี”

🩺 หลักการพื้นฐานที่แพทย์แนะนำ:

1. เริ่มให้เร็วที่สุดหลังพ้นระยะวิกฤต

หลังฟื้นจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน
ควรเริ่ม Cardiac Rehabilitation ภายในไม่กี่วัน เพื่อป้องกันการเสื่อมของกล้ามเนื้อหัวใจ

2. เริ่มเบา ๆ แล้วค่อยเพิ่ม

  • เริ่มจากเดินเบา → เดินเร็ว → ปั่นจักรยาน
  • ใช้ระดับความหนักในช่วง Zone 1–2 (ประมาณ 50–70% ของ HR max)
  • ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาเป็น 20–60 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3–5 วัน

3. ติดตามค่าหัวใจอย่างใกล้ชิด

  • ควรมีการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ (HR), ความดัน, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • ในช่วงเริ่มต้น ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือทีม Cardiac Rehab

โรคหัวใจ ออกกำลังกายได้ทุกคนหรือไม่?

คำตอบคือ “ได้ครับ”
หากผ่านการรักษาอย่างเหมาะสม และไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
ผู้ป่วยสามารถเริ่มออกกำลังกายได้ภายใต้การประเมินและแผนเฉพาะบุคคล


แล้ว “เล่นกีฬา” แข่งขันได้ไหม?

ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก:

  1. ประเภทกีฬา – ใช้หัวใจมากน้อยแค่ไหน เช่น เดินเบา ฟุตบอล มาราธอน
  2. สภาพหัวใจปัจจุบัน – กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงหรือไม่ มีภาวะแทรกซ้อนหรือเปล่า

🩺 แพทย์หัวใจด้านเวชศาสตร์การกีฬา จะใช้การประเมินเพิ่มเติม เช่น:

  • VO₂ max / CPET (Cardiopulmonary Exercise Test)
  • Echocardiogram / Ultrasound หัวใจ

และจำแนกระดับความเสี่ยงเป็น 3 กลุ่ม:

🟢 ไฟเขียว: ออกกำลังกายหรือแข่งขันกีฬาได้อย่างปลอดภัย
🟡 ไฟเหลือง: ออกได้ในบางประเภท แต่ต้องควบคุมและติดตาม
🔴 ไฟแดง: หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก เพราะเสี่ยงต่อชีวิต

การตัดสินใจจะทำร่วมกันระหว่างแพทย์ คนไข้ และครอบครัว


สรุป: หัวใจที่เคยเจ็บ ยังมีโอกาสกลับมาแข็งแรงได้

โรคหัวใจไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเคลื่อนไหว
ในทางตรงกันข้าม การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
คือ “ยาชั้นดี” ที่ช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ และยืดอายุหัวใจให้อยู่กับเราได้นานขึ้น

อย่าปล่อยให้หัวใจเงียบเกินไป 💓
เพราะการขยับ คือเสียงที่เรียกให้หัวใจกลับมาเต้นอย่างมีชีวิตอีกครั้ง


นพ. อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา (หมอแอร์)

หมอหัวใจและการกีฬา

=================

สอบถามรายละเอียดหรือนัดหมายแพทย์

📌 Line@: @Valorclinic หรือ

https://bit.ly/ValorClinicLineOA

☎️ 02-287-4924

🗓️ จันทร์-ศุกร์ 9-17 น., เสาร์ 9-12 น.

https://maps.app.goo.gl/NEcHNPbuAZNfUVrc7

=================

#แพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ #โรคหัวใจขาดเลือด #หัวใจเต้นผิดจังหวะ #หัวใจเต้นพริ้ว #โรคหัวใจ#หัวใจโต #หัวใจวาย #โรคหัวใจและหลอดเลือด #โรคอ้วน #ไขมันในเลือดสูง #ยาลดไขมัน #ยาลดความดัน #กรรมพันธุ์ #HDL #LDL #คลอเรสเตอรอลสูง #chorestoral #ลดหน้ำหนัก #ออกกำลังกาย