ฮอร์โมนเปลี่ยน ผิวก็เปลี่ยน โรคผิวหนังที่พบบ่อยในคนข้ามเพศ

ในปัจจุบัน “คนข้ามเพศ (Transgender) เป็นกลุ่มที่มีความต้องการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับ ฮอร์โมนเพศ เพื่อปรับลักษณะทางกายให้ตรงกับเพศสภาพที่ตนต้องการ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ฮอร์โมนมีผลต่อผิวหนังโดยตรง  


คนข้ามเพศคือใคร?

“คนข้ามเพศ” หมายถึง บุคคลที่อัตลักษณ์ทางเพศ (gender identity) แตกต่างจากเพศกำเนิด (sex assigned at birth) ซึ่งหลายคนเลือกใช้ฮอร์โมนเพศเพื่อปรับลักษณะทางกายให้ตรงกับเพศที่ตนรู้สึกเป็น

โดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่:

  • Transgender Man: เกิดเป็นหญิง แต่ระบุตนว่าเป็นชาย มักได้รับฮอร์โมนเพศชาย (testosterone)
  • Transgender Woman: เกิดเป็นชาย แต่ระบุตนว่าเป็นหญิง มักได้รับฮอร์โมนเพศหญิง (estrogen) ร่วมกับยาต้านฮอร์โมนเพศชาย

ผลของฮอร์โมนต่อผิวหนัง

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายมีผลต่อโครงสร้างและการทำงานของผิวหนัง เช่น ต่อมไขมัน รูขุมขน และเม็ดสีผิว ซึ่งอาจนำไปสู่โรคผิวหนังบางชนิด

กลุ่ม Transgender Man (หญิงข้ามเพศเป็นชาย)

ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ส่งผลให้:

  • สิว (Acne) เกิดได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วง 6-12 เดือนแรกหลังเริ่มฮอร์โมน โดยมักเป็นมาบริเวณใบหน้า หลัง หน้าอก เนื่องจาก Testosterone กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
  • ผมร่วงแบบผู้ชาย (Male Pattern Baldness) ผมบางบริเวณกลางศีรษะ พบได้ในผู้ที่ใช้ฮอร์โมนเพศชาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพันธุกรรมเรื่องผมบางในครอบครัว

กลุ่ม Transgender Woman (ชายข้ามเพศเป็นหญิง)

ฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) มีผลดังนี้:

  • ฝ้า (Melasma) เกิดได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสแสงแดด เนื่องจากฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดสี
  • ผมบางแบบผู้หญิง (Female Pattern Hair Loss) มักพบผมร่วงกระจายทั่วศีรษะ อาจพบในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงรอบการเจริญเติบโตของเส้นผม

ปัจจัยกระตุ้นที่ควรระวัง

แม้ฮอร์โมนจะเป็นปัจจัยหลัก แต่ยังมีปัจจัยร่วมอื่น ๆ ที่อาจกระตุ้นหรือทำให้ปัญหาผิวหนังรุนแรงขึ้น ได้แก่:

  • แสงแดด (กระตุ้นฝ้า)
  • ความเครียด (กระตุ้นสิวหรือผมร่วง)
  • พฤติกรรมการดูแลผิว (ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม)
  • พันธุกรรม

แนวทางการดูแลผิวสำหรับคนข้ามเพศ

การดูแลผิวที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ใช้ฮอร์โมนเพศ

  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันมากหรือมีสารระคายเคือง
  • ใช้ครีมกันแดด SPF สูงทุกวัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาฝ้า
  • ตรวจสุขภาพผิวและเส้นผมเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มใช้ฮอร์โมน
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น สิวเห่อมาก ผมร่วงเร็ว หรือฝ้าชัดเจน ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

สรุป

การใช้ฮอร์โมนเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพคนข้ามเพศที่สำคัญ แต่ควรตระหนักว่าผิวหนังอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

การให้ความรู้ และการเข้าถึงบริการทางการแพทย์โดยไม่ตีตรา เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้คนข้ามเพศทุกคนสามารถมีสุขภาพผิวและคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างเท่าเทียม

ที่มา

Characterizing dermatological conditions in the transgender population: a cross-sectional study. Transgender Health 2023

รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

=================

สอบถามรายละเอียดหรือนัดหมายแพทย์

📌 Line@: @Valorclinic หรือ https://bit.ly/ValorClinicLineOA

☎️ 02-287-4924

🗓️ จันทร์-ศุกร์ 9-17 น., เสาร์ 9-12 น.

https://maps.app.goo.gl/NEcHNPbuAZNfUVrc7

=================

#อาจารย์แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง

#สะเก็ดเงินรักษาได้#สะเก็ดเงิน#โรคผิวหนัง#เวเลอร์คลินิก#valorclinic#แพทย์หญิงเปรมจิต#จันทองจีน#หมอผิวหนัง#แพทย์ผิวหนัง#โรคสะเก็ดเงิน#รักษาสะเก็ดเงิน#ฉายแสงอาทิตย์เทียม#ยาฉีดสะเก็ดเงิน#ยาฉีดชีวภาพ#drpukskintalk#แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง

#pridemonth#BeyondGender#lgbtqia#ผิวหนังของกลุ่มเพศทางเลือก

#โรคผิวหนัง#drpukskintalk#แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง#dermatologist