⭐ สะเก็ดเงินในผู้ติดเชื้อ HIV: 5 เรื่องที่ควรรู้

หลายคนอาจไม่รู้ว่า “โรคสะเก็ดเงิน” และ “การติดเชื้อ HIV” มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องของ ภูมิคุ้มกันของร่างกาย แม้ทั้งสองโรคจะต่างกัน แต่ผู้ติดเชื้อ HIV บางรายอาจมีอาการสะเก็ดเงินที่รุนแรงหรือควบคุมยากกว่าเดิมได้ ทำให้เกิดคำถามมากมาย เช่น

  • ผู้ติดเชื้อ HIV จะมีโอกาสเป็นสะเก็ดเงินมากขึ้นไหม?
  • ทำไมบางคนที่มี HIV อาการสะเก็ดเงินถึงหนักขึ้น?
  • ยาที่ใช้รักษาเหมือนกับคนทั่วไปหรือไม่?
  • ถ้าควบคุม HIV ดีขึ้น ผื่นจะดีขึ้นด้วยหรือไม่?

1) ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่ได้มีโอกาสเป็นสะเก็ดเงินมากกว่าคนทั่วไป

ข้อเท็จจริงสำคัญคือ HIV ไม่ได้ทำให้เกิดโรคสะเก็ดเงินเพิ่มขึ้น

มีงานวิจัยที่รวบรวมข้อมูลผู้ติดเชื้อ HIV มากกว่า 130,000 คน พบว่า

  • ผู้ติดเชื้อ HIV เป็นสะเก็ดเงินเพียง 2%
    ขณะที่
  • ประชากรทั่วไปเป็นสะเก็ดเงินประมาณ 3%

แปลว่า “HIV ไม่ได้ทำให้เป็นสะเก็ดเงินมากขึ้น” แต่ถ้ามีโรคนี้อยู่แล้ว อาการอาจแตกต่างและรุนแรงขึ้นได้ 

2) ทำไมสะเก็ดเงินในผู้ติดเชื้อ HIV มักรุนแรงกว่าคนทั่วไป?

โรคสะเก็ดเงินเกิดจาก “ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ” และ HIV ก็เป็นโรคที่ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันโดยตรง ทำให้สองโรคนี้มีปฏิกิริยาต่อกันได้

ในผู้ติดเชื้อ HIV เกิดอะไรขึ้น?

  • เม็ดเลือดขาว CD4 ซึ่งช่วยควบคุมภูมิคุ้มกันลดลง
  • ระบบภูมิคุ้มกันเสียสมดุล
  • ร่างกายสร้าง “สารก่อการอักเสบ” มากขึ้น
  • ทำให้ผื่นสะเก็ดเงินลุกลามง่ายกว่าเดิม

ผลลัพธ์คือ

✔ ผื่นขึ้นมากกว่า
✔ ผื่นหนากว่า
✔ กระจายเร็วกว่า
✔ อาจมีอาการคันหรือปวด
✔ บางรายมีตุ่มหนองร่วมด้วย

ดังนั้น หากผู้ติดเชื้อ HIV มีผื่นสะเก็ดเงิน ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินความรุนแรงและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม

3) ผื่นสะเก็ดเงินในผู้ติดเชื้อ HIV อาจไม่เหมือนแบบที่เคยเห็น

ในคนทั่วไป เราจะคุ้นเคยกับสะเก็ดเงินแบบคราบแดงหนา มีสะเก็ดสีเงินบริเวณศอก เข่า หนังศีรษะ แต่ในผู้ติดเชื้อ HIV อาการอาจแตกต่างออกไป เช่น

รูปแบบที่พบได้บ่อย

  • ผื่นเป็น ตุ่มหนอง
  • ผื่นแดงหนา ลามเร็ว
  • ผื่นบริเวณใบหน้าและหนังศีรษะอย่างรุนแรง
  • ผื่นกระจายเกือบทั้งตัวในเวลาไม่นาน

ผื่นอาจคล้ายโรคอื่นได้

บางครั้งผื่นที่ดูเหมือนสะเก็ดเงินอาจเป็น

  • ผื่นเซ็บเดิร์มที่รุนแรง (severe seborrheic dermatitis)
  • การติดเชื้อรา
  • ผื่นจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติอื่น ๆ

ดังนั้นการวินิจฉัยโดยแพทย์เฉพาะทางผิวหนังจึงสำคัญ เพราะการรักษาขึ้นกับการแยกโรคให้ถูกต้อง

4) การรักษา “สะเก็ดเงินในผู้ติดเชื้อ HIV” ต้องเลือกให้เหมาะกับร่างกาย

การรักษาอาจไม่สามารถใช้วิธีเดียวกับผู้ป่วยทั่วไปได้ เพราะต้องคำนึงถึงภูมิคุ้มกันและยาต้านไวรัสที่ใช้อยู่

4.1 วิธีรักษาที่ปลอดภัย

ยาทา
เช่น สเตียรอยด์, ครีมวิตามินดี, ครีมลดการอักเสบ ถือเป็นทางเลือกแรก

การฉายแสงอาทิตย์เทียม โดยเฉพาะแสง UVB (Phototherapy)
เป็นการรักษาที่ปลอดภัยและใช้กันในผู้ป่วยสะเก็ดเงินหลายราย
ข้อดี: ไม่กดภูมิคุ้มกัน
ข้อควรระวัง: ต้องมารพ.บ่อย และบางรายผิวไวต่อแสง

4.2 วิธีรักษาที่ต้องระมัดระวัง

  • methotrexate และ cyclosporine อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงกว่าเดิม โดยทั่วไปจึงไม่ค่อยแนะนำให้ใช้
  • ยากลุ่มวิตามินเอ (acitretin) อาจเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าในบางเคส

4.3 ยาฉีดชีวโมเลกุล (Biologics) ใช้ได้หรือไม่?

ในอดีต แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาฉีดชีวโมเลกุลในผู้ติดเชื้อ HIV แต่ข้อมูลปัจจุบันพบว่า

  • หากผู้ป่วย คุม HIV ได้ดี
  • มีค่า CD4 อยู่ในระดับปลอดภัย
  • และอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด

→ ยาฉีดชีวโมเลกุลสมัยใหม่อาจเป็นทางเลือกได้ในบางราย (ที่มา Systematic review of biologic use for psoriasis in HIV-positive individuals ใน Archives of Dermatological Research 2024) อย่างไรก็ตามต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไป

5) หากควบคุม HIV ได้ดี อาการสะเก็ดเงินก็ดีขึ้นมาก

ผู้ป่วยจำนวนมากสังเกตว่า เมื่อเริ่มยาต้านไวรัสและรักษาอย่างสม่ำเสมอ อาการสะเก็ดเงินดีขึ้นชัดเจน

เหตุผลคือ

  • เมื่อ viral load ลดลงมาก
  • CD4 เพิ่มขึ้น
  • ร่างกายอักเสบน้อยลง
  • ผื่นสะเก็ดเงินจึงสงบลงและตอบสนองต่อการรักษาดีขึ้น

คำแนะนำสำคัญคือ
➡️ จำเป็นต้องรับประทานยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดยา
➡️ ติดตามค่าการทำงานของร่างกายตามแพทย์นัด
➡️ พบแพทย์เฉพาะทางผิวหนังเมื่อผื่นผิดปกติหรือควบคุมยาก

บทสรุป: ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถควบคุมสะเก็ดเงินได้ และใช้ชีวิตปกติได้

โรคสะเก็ดเงินในผู้ติดเชื้อ HIV อาจมีความซับซ้อนกว่า แต่ด้วยความทันสมัยของการรักษาปัจจุบัน ผู้ป่วยสามารถควบคุมโรคทั้งสองอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ

✔ ควบคุม HIV ให้ดีด้วยยาต้านไวรัส
✔ พบแพทย์ผิวหนังเมื่อมีผื่นผิดปกติ
✔ เลือกการรักษาที่เหมาะกับภูมิคุ้มกันของตัวเอง
✔ ดูแลร่างกายและใจอย่างสมดุล

#WorldAIDSDay #โรคผิวหนัง #แพทย์ผิวหนัง#แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง #ValorClinic #เวเลอร์คลินิก