สตีเวนส์–จอห์นสัน ซินโดรม (Stevens–Johnson Syndrome : SJS)

🩺 ภาวะสตีเวนส์–จอห์นสัน ซินโดรมคืออะไร
Stevens–Johnson Syndrome (SJS) คือภาวะ แพ้ยารุนแรง (Severe Drug Reaction) ที่ทำให้ผิวหนังและเยื่อบุ (Mucous Membranes) เช่น บริเวณปาก ตา หรืออวัยวะเพศ เกิดการอักเสบและหลุดลอกได้
หากมีความรุนแรงมาก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
📊 ความชุกของโรค (Incidence)
ภาวะนี้พบได้ค่อนข้างน้อย — ประมาณ 1–2 รายต่อประชากร 1 ล้านคนต่อปี
แต่อัตราความรุนแรงสูงมาก โดยมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 5–10% ในผู้ป่วย SJS และอาจสูงถึง 30% ในผู้ป่วย TEN (Toxic Epidermal Necrolysis – ท็อกซิก เอพิเดอร์มอล เนโครไลซิส)
ซึ่งหมายถึง ภาวะผิวหนังหลุดลอกทั่วร่างกาย คล้ายผิวหนังถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยด่วน
💊 สาเหตุที่พบบ่อย (Common Causes)
✅ ยา (Drugs)
เป็นสาเหตุหลักของภาวะนี้ โดยเฉพาะยาในกลุ่มต่อไปนี้
- ยากันชัก (Anticonvulsants) เช่น Carbamazepine, Phenytoin, Lamotrigine
ใช้รักษาโรคลมชักหรืออาการชัก แต่บางรายอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เพนิซิลลิน หรือซัลฟา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุได้เช่นกัน
- ยาแก้อักเสบกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs : Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs)
เช่น Ibuprofen, Naproxen ใช้ลดอาการปวดและอักเสบ แต่บางคนอาจแพ้รุนแรงได้
- ยาลดกรดยูริก (Allopurinol)
ใช้รักษาโรคเก๊าท์ (Gout) เพื่อลดกรดยูริกในเลือด และเป็นหนึ่งในยาที่ทำให้เกิด SJS ได้บ่อยที่สุด
✅ การติดเชื้อ (Infection)
โดยเฉพาะเชื้อ Mycoplasma pneumoniae (ไมโคพลาสมา นิวโมเนียอี) ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบในเด็กและวัยรุ่น และอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแบบ SJS ได้เช่นกัน
⏱ ระยะเวลาหลังเริ่มใช้ยา (Latency Period)
มักเกิดภายใน 4 วัน – 4 สัปดาห์ หลังเริ่มใช้ยาตัวใหม่
หากในช่วงนี้มีผื่น แสบผิว หรือแผลในปาก ควรรีบพบแพทย์ทันที
☢️ อาการเริ่มแรก (Initial Symptoms)
ภาวะ SJS มักเริ่มจากอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดเมื่อย เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
จากนั้นจะเริ่มมีอาการ
- ผื่นแดง (Rash)
- แสบผิว (Skin burning)
- เจ็บในปากหรือตา (Oral or Eye Pain)
👁 สัญญาณเตือนสำคัญ (Warning Signs)
- ผื่นแดงหรือปื้นคล้ำที่เจ็บแสบ
- มีตุ่มน้ำพอง (Blisters) และผิวเริ่มลอก (Skin peeling)
- แผลในปาก (Oral ulcer), ตาแดง (Conjunctivitis), หรือแผลที่อวัยวะเพศ
⚠️ หากมีอาการเหล่านี้หลังเริ่มยาใหม่ ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที!
📈 ระดับความรุนแรงของโรค (Severity Classification)
- SJS: ผิวหนังลอกน้อยกว่า 10% ของพื้นที่ร่างกาย
- TEN: ผิวหนังลอกมากกว่า 30% ของพื้นที่ร่างกาย
- SJS/TEN overlap: อยู่ระหว่าง 10–30%
ภาวะ SJS และ TEN ถือเป็นกลุ่มเดียวกัน ต่างกันเพียงระดับความรุนแรงและพื้นที่ผิวที่หลุดลอก
🏥 ทำไมถึงอันตราย (Why It’s Dangerous)
เพราะเมื่อผิวหนังหลุดลอกออก จะทำให้
- เสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Infection)
- สูญเสียน้ำและเกลือแร่ (Fluid and Electrolyte Loss)
- อวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ ไต อาจถูกทำลาย (Organ Damage)
🚑 การรักษา (Treatment)
- หยุดยาที่เป็นสาเหตุทันที (Stop the offending drug)
- เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (Hospitalization)
ผู้ป่วยบางรายต้องได้รับการดูแลใน ICU (หอผู้ป่วยวิกฤต) หรือ Burn Unit (หอผู้ป่วยไฟไหม้)
- ดูแลแบบผู้ป่วยไฟไหม้ ให้สารน้ำ ดูแลแผล และอาจใช้ ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive Drugs) ในบางกรณี
- เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิด (Monitor for Complications)
👨⚕️ การป้องกันและการดูแลตัวเอง (Prevention & Self-care)
- ห้ามกลับไปใช้ยาที่เคยแพ้อีก (Avoid re-exposure to the culprit drug)
- พก “บัตรแพ้ยา – Drug Allergy Card” ติดตัวไว้เสมอ
- ระวังอาการผิดปกติหลังเริ่มยาใหม่ โดยเฉพาะใน 4 สัปดาห์แรก
- ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง
💬 สรุป
แม้ภาวะ Stevens–Johnson Syndrome (SJS) จะพบได้น้อยมาก
แต่เป็นภาวะที่ อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
หากมีอาการผื่น เจ็บปาก หรือตาแดงหลังเริ่มยาใหม่ ควรรีบพบแพทย์ทันที
เพราะการวินิจฉัยและรักษาเร็ว ช่วยลดความรุนแรงและช่วยชีวิตผู้ป่วยได้จริง
สุขภาพผิวดี เริ่มต้นจากการดูแลอย่างเข้าใจ💚
Healthy skin begins with truly understanding
👩🏻⚕️
รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน
แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง
#แพ้ยา #โรคผิวหนัง #แพทย์ผิวหนัง#แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง #ValorClinic #เวเลอร์คลินิก
===========================
📞 โทร. 02-287-4924
📱 Line: @Valorclinic หรือคลิก https://lin.ee/WiY4qon
เวเลอร์คลินิก สาทร https://maps.app.goo.gl/NEcHNPbuAZNfUVrc7
===========================

